ผลไม้ นับว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่มนุษย์ทุกคน จะพึงมี เพราะ นอกจากจะช่วยให้อิ่มท้องในยามรับประทานด้วย ผลไม้บางชนิดยังมีสรรพคุณต่างๆ นาๆ อย่างดีที่จะช่วยเสริมสร้างหรือแก้ไขส่วนที่สึกหรอให้กับร่างกาย เพื่อที่จะไปช่วยฟื้นฟูหรือซ่อมแซมส่วนต่างๆ ให้เราสามารถใช้งานหรือเพิ่มประสิทธิ์ภาพให้ดีกว่าเดิม | |||
ลูกพลัม เป็นไม้ผลที่มีผลแบบเมล็ดเดียวแข็ง อยู่ในสกุล Prunus สกุลย่อย Prunus ซึ่งเป็นสกุลย่อยที่แตกต่างจากสกุลจำพวก ลูกท้อ หรือ เชอร์รี่ ลักษณะของผลไม้ชนิดนี้ กล่าวคือ ตรงหน่อมีตายอดและตาข้างเดียว ดอกออกเป็นกลุ่ม 1-5 ดอกบนก้านสั้นๆ ผลมีร่องยาวด้านข้าง และเมล็ดเรียบ เมื่อผลโตเต็มที่ จะมีนวลสีขาวปกคลุม สามารถถูกออกได้ง่าย และ เมื่อสุกเปลือกสีม่วงอมดำ เนื้อสีเหลือง มีรสหวานหรือหวานอมเปรี้ยว | |||
สำหรับสรรพคุณและประโยชน์ของลูกพลัมนั้น สามารถแบ่งตามการแปรรูป กล่าวคือ พลัมสด จะมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่หลายชนิด เริ่มจากสารแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นรงควัตถุที่ทำให้ผักผลไม้มีสีแดงหรือม่วง ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและโรคมะเร็ง แถมมีวิตามินซีที่สำคัญต่อการสร้างคอลลาเจนในผิวหนังและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กระดูก และมีวิตามินเอที่ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเซลส์และเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย ส่วน พล้มแห้ง หรือ ลูกพรุน นั้น ก็มีประโยชน์ไม่แพ้กัน คือ เป็นแหล่งที่มีโพแทสเซียมและเหล็กเข้มข้นมากกว่าพลัมสด เพราะมีความหวานของพรุนที่เกิดจากน้ำตาลธรรมชาติหลากชนิด ซึ่งมากกว่าหนึ่งในสามของพรุนเป็นน้ำตาล ที่มีทั้งน้ำตาลฟรักโทสและกลูโคส ซึ้งเมื่อได้รับประทานเข้าไปแล้ว จะได้รับพลังงานอย่างรวดเร็ว แถมยังมีเส้นใยอาหารทั้งชนิดละลายและไม่ละลายน้ำ จึงแปรสภาพเป็นกากใยอาหารในลำไส้ และช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้อย่างปลอดภัยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เปรียบเสมือนยาระบายอ่อนๆ ก็ไม่ผิดนัก และสามาารถป้องกันมะเร็งลำไส้ได้เป็นอย่างดี และแน่นอน พลัมแห้ง นี้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับในการลดน้ำหนัก เพราะไม่มีทั้งไขมันและคอเลสเตอรอล ในผลไม้ชนิดนี้ แถมตัวเส้นใยอาหารในลูกพลัมยังช่วยทำให้อิ่มได้นาน จึงอาจทำให้ช่วยลดปริมาณในการรับประทานอาหารประเภทต่างๆ ไปโดยปริยาย | |||
ในท่ามกลางประโยชน์ของ “ลูกพลัม” นี้ ก็มีข้อเสียด้วยเช่นกัน เพราะเนื่องจากลูกพลัม มีโปแตสเซียมค่อนข้างสูง จึงไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคไตวาย ในช่วงการล้างไต อย่างยิ่ง และ ไม่ควรที่จะรับประทานจนมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการท้องเสียในบางรายได้ ทางที่ดีควรรับประทานครั้งละน้อยๆ แต่ทานได้หลายๆ ครั้ง ควรจะดีกว่า ขอบคุณข้อมูลจากเว็บ http://www.manager.co.th |
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น